มณฑลฮา(Haa) ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาที่ทอดตัวตามแนวเหนือ-ใต้ เป็นที่รู้จักในชื่อ “หุบเขาแห่งทุ่งข้าวอันเร้นลับ”(The Hidden-land rice valley) แบ่งเป็น 6 อำเภอ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ขรุขระกันดาร การพัฒนาของมณฑลนี้จึงล่าช้า
โดยมีพื้นที่เพียง 2% เท่านั้นที่สามารถทำการเกษตรได้ พืชที่นิยมปลูกในมณฑลนี้ ได้แก่ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง พริก และแอปเปิ้ล
จุดชมวิวชีเลล่า(Chelela Pass) มีความสูง 13,000 ฟุต อยู่สูงขึ้นไปทางตะวันตกของหุบเขาพาโร เป็นจุดชมวิวที่มีถนนตัดผ่านที่สูงที่สุดของประเทศ และมีทัศนียภาพอันตระการตาของเทือกเขาหิมาลัย โดยเฉพาะภูเขาจูโมลฮารีอันศักดิ์สิทธิ์ของภูฏานที่สูงกว่า 22,000 ฟุต
การเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งจากหุบเขาในเมืองพาโรนอกจากทิวทัศน์อันงดงามแล้ว ที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด ป่าไม้ที่ยังไม่ถูกบุกรุกและเส้นทางที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่นี่จึงเป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินขึ้นเขาหิมาลัยเป็นอย่างยิ่ง
ตลอดแนวเขาที่ลาดชัน มีดอกป็อปปี้สีขาวขึ้นปกคลุมตามรายทาง ซึ่งพบได้เฉพาะที่เมืองฮาเท่านั้นและยังไม่เคยพบที่อื่นในโลก สลับกับป่าสนหนาทึบและเฟิร์นนานาชนิด นอกจากนี้ยังได้ชื่นชมความงดงามของทะเลสาบดึกดำบรรพ์ที่มีปลาเรนโบว์เทราท์
บริเวณทางเข้าสู่หุบเขาด้านทิศใต้มีวัดสองแห่งตั้งตระหง่านอยู่ คือ วัด Karpo (วัดขาว) และวัด Nagpo (วัดดำ) และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของเมืองนี้ก็คือ เทศกาลระบำหน้ากากฤดูร้อนเมืองฮา (Haa Summer Festival) อันแสดงถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาวเมืองฮาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส
วัด Karpo มีความโดดเด่นที่กำแพงสีขาว ส่วน วัด Nagpo ต่างกันตรงที่กำแพงวัดเป็นสีเทาดำ
วัดหลังเก่านั้นสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ทิเบตนามว่า Songtsen Gempo โดยการสร้างวัดทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจที่พระองค์จะต้องสร้างวัดจำนวน 108 แห่งให้เสร็จในวันเดียว โดยได้สร้างวัด Karpo และวัด Nagpo ขึ้นที่หุบเขาเมือง Haa ตามตำนานเล่าว่ามีการปล่อยนกพิราบขาวและดำให้บินออกไปเพื่อเสี่ยงทายเลือกตำแหน่งที่จะสร้างวัดทั้งสองแห่งนี้ขึ้นมา โดยยึดเอาตำแหน่งที่นกร่อนลงสู่พื้น