เมืองบุมทัง

เมืองบุมทัง

มณฑลบุมทัง มีชื่อเรียกเช่นนี้ เพราะมีหุบเขาที่รูปร่างเหมือน “bumpa” หรือ แจกันที่ใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์บนแท่นบูชา หรือ “bum” และ “thang” ที่หมายถึง “ทุ่ง” หรือ “ที่ราบ” และยังมีคำแปลอื่นที่มีความหมายว่า หญิงสาวสวย (“bum”)
บุมทังมีหุบเขาสำคัญสี่แห่งคือ Chokor, Tang, Ura และ Chhumey มณฑลนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะมณฑลที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของภูฏานเพราะท่านกูรู รินโปเชได้รักษากษัตริย์ของเมืองแห่งนี้ ทำให้ผู้คนในบุมทังยอมรับและนับถือพระพุทธศาสนาจนแผ่ขยายไปทั่วประเทศในที่สุด
เมืองนี้มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือ “Nyes” ซึ่งมีผู้จาริกแสวงบุญทั่วภูฏานเดินทางเข้ามาสักการะ บุมทังยังเป็นที่รู้จักในเรื่องทัศนียภาพอันสวยงามของธรรมชาติ แอปเปิล น้ำแอปเปิลออร์กานิค ชีสและผ้า Yathra สีสันสดใส

จาคาร์ซอง

จาคาร์ซอง (Jakar Dzong) ปัจจุบันเป็นศูนย์ราชการของเมืองบุมทัง และยังเป็นที่จำพรรษาของคณะสงฆ์ประจำภูมิภาค
ตามตำนานเล่าว่า ใน พ.ศ. 2092 ในขณะที่พระลามะมาชุมนุมกันเพื่อหารือเลือกจุดที่ตั้งอาราม ก็มีนกสีขาวบินทะยานขึ้นไปในอากาศและร่อนลงยังจุดที่เป็นยอดเขา บรรดาลามะจึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีและได้สร้างอารามขึ้นที่นั่น ก่อนที่จะขยับขยายเป็นป้อมปราการในเวลาต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2189 หลังจากที่ท่านซับดรุงได้สถาปนาอำนาจขึ้นมาจนมั่นคง

วัดคูร์เจย์

วัดคูร์เจย์ (Kurjey) อยู่ห่างจากถนนใหญ่ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร อยู่เหนือขึ้นไปจากวัดจัมเปย์ (Jampey) ภายในมีสถานที่สำคัญ 3 แห่งตั้งอยู่ ประกอบด้วย วิหาร Guru ซึ่งมีรูปปั้นของครุฑและสิงโตขาวที่กำลังยื้อยุดต่อสู้ สื่อถึงองค์กูรู รินโปเช(สิงโตขาว) ที่กำราบปีศาจร้าย, สถานที่สำคัญแห่งที่สองคือวิหาร Sangay มีลักษณะเป็นช่องหินแคบๆ และจุดสุดท้ายคือ ถ้ำสมาธิ ซึ่งมีรูปเคารพของกูรู รินโปเช

ทะเลสาบ MEBARTSHO

ทะเลสาบ Mebartsho หรือ Burning Lake ใช้เวลาเดินเพียงห้านาทีจากถนนที่มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำ Tang chhu ว่ากันว่านักบุญ Terton Pema Lingpa ได้ค้นพบสมบัติอันล้ำค่ามากมายของกูรู รินโปเชในบริเวณนี้ คุณสามารถข้ามสะพานไม้ที่ทอดพาดลำธารระหว่างช่องเขา เพื่อชมความงดงามของทะเลสาบแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีตำนานที่เล่าว่าเฉพาะผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะได้เห็นวัดซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำเบื้องล่าง

พระราชวัง WANGDICHOLING

Wangdicholing เป็นพระราชวังแห่งแรกของภูฏานที่ไม่ได้สร้างในลักษณะป้อมปราการ เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์อุกเยน วังชุก สมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์แรก สมัยก่อนในฤดูหนาวข้าราชสำนักจะย้ายออกจากวัง Wangdicholing ไปยังวัง Kuenga Rabten ต่อมาในภายหลังพระราชวังแห่งนี้ตกเป็นมรดกของ Ashi Choeki Wangchuck พระมาตุจฉาของสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่สี่ ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์