เมืองพูนาคา เป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ของภูฏาน และเคยเป็นเมืองหลวงของภูฏานในช่วง พ.ศ. 2180 ถึง พ.ศ. 2498 โดยมีการจัดตั้งสภาแห่งชาติของภูฏานขึ้นเป็นครั้งแรกที่มณฑลนี้ และยังมีความสำคัญเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มี 1,891 ครัวเรือน และมีประชากรทั้งสิ้น21,674 คน พูนาคาเป็นเมืองกลางหุบเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน ห่างจากกรุงทิมพูราว 77 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
พูนาคามีอากาศค่อนข้างอบอุ่นเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในภูฏาน และเป็นที่พำนักของคณะสงฆ์ภาคกลางในช่วงฤดูหนาว (ในฤดูร้อนคณะสงฆ์จะจำพรรษาอยู่ที่เมืองทิมพู) เมืองนี้มีแม่น้ำ Phochhu (ตัวแทนของเพศชาย) และแม่น้ำ Mochhu (ตัวแทนเพศหญิง) เป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านหุบเขา ผืนดินของพูนาคาจึงมีความอดุมสมบูรณ์ เป็นแหล่ง ปลูกผัก ผลไม้และข้าวออร์แกนิก โดยมีเมือง Khuruthang เป็นอำเภอหลักของพูนาคา ห่างจากป้อมพูนาคาประมาณ 4 กิโลเมตร
วัดชิมิ (Chimi Lhakhang) อยู่บริเวณเนินเขาเล็กๆ ใช้เวลาเดิน 15 นาที ผ่านทุ่งข้าวเขียวขจี เชื่อกันว่า ลามะดรุกปา ได้สังหารนางปีศาจ ซึ่งแปลงกายเป็นสุนัขและฝังไว้ที่ใต้เนินเขา ลามะได้พูดคำว่า ‘chimed’ ที่แปลว่า ไม่มี สุนัข และได้สร้างเจดีย์สีดำไว้ที่นั่น ลามะได้เปลี่ยนนางปีศาจให้เป็นผู้พิทักษ์ มีหน้าที่คอยปกป้องพระพุทธศาสนา และตั้ง ชื่อให้ใหม่ว่า Chhoekim แปลว่า “บุคคลผู้หันมานับถือศาสนา” และกลายเป็นผู้พิทักษ์วัดแห่งนี้
คู่สามีที่มีบุตรยากนิยมมาขอพร ซึ่ง ก็สมปรารถนาอย่างมหัศจรรย์คู่รักจะทำพิธีขอพรจากคันศรและลูกธนู พระคัมภีร์และลึงค์ของลามะดรุกปา คุนเลย์ คู่สามีภรรยาบางคู่จะพักค้างคืนที่อารามแห่งนี้
สมเด็จพระราชชนนีในสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อ เชิดชูความผาสุขของโลก และเพื่อเป็นการถวายพระพรแด่องค์กษัตริย์
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวศาสนาที่วาดอย่างประณีตบรรจง และยังเป็นที่จัดแสดงภาพวาดพระสงฆ์ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาและเทพเจ้าผู้คุ้มครองตามความเชื่อของภูฏานวัดแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนาน 10 ปี และเป็นตัวอย่างทางสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบฉบับภูฏาน ใน พ.ศ. 2542 ได้มีการทำพิธีปลุกเสกวัดแห่งนี้
พูนาคาซอง ป้อมปราการที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2180 บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ Phochhu และแม่น้ำ Mochhu โดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล เป็นสัญลักษณ์แทนการสร้างชาติของภูฏาน ป้อมแห่งนี้มีความสำคัญคือเป็นสถานที่ของทั้งฝ่ายสังฆาวาสและศูนย์กลางการปกครองประจำภูมิภาค ในปัจจุบันเป็นที่จำพรรษาของคณะสงฆ์ภาคกลางในช่วงฤดูหนาวและยังเป็นศูนย์กลางการปกครองประจำมณฑล แม้ป้อมปราการแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายจากน้ำในทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ทะลักเข้าท่วมแต่ก็ได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟูให้กลับมางดงามอย่างในปัจจุบัน
ภายในมีห้องประกอบพิธีบรมราชาภิเษกที่เรียกว่า Kuenray ซึ่งเป็นที่ที่กษัตริย์อุกเยน วังชุก ทรงประกอบพระราชพิธีสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์แรกของภูฏานเมื่อ พ.ศ. 2450 นอกจากนี้พูนาคาซองยังเป็นที่เก็บอัฐิธาตุอันศักดิ์สิทธิของพระลามะจากสำนัก Drukpa Kagyu แห่งแดนใต้ ได้แก่ ท่าน Rangjung Kasarpani รวมถึงสังขารของท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล และท่าน Padma Lingpa
นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามของป้อมปราการที่น่าเกรงขามนี้ โดยตั้งต้นจากสะพานข้ามแม่น้ำ Mochhu ที่ทอดยาวเชื่อมไปจนถึงทะเลสาบหลังป้อมและป้อมอื่น ๆ ที่อยู่รายรอบ
วัด Sangchhen Dorji Lhuendrup เป็นวัดที่มีสำนักชีรวมอยู่ด้วยตั้งอยู่บรเวิณแนวเขาที่มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างของหุบเขาเทอเบซา, พูนาคาและวังดีโพดรัง ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยโบสถ์สองชั้น เจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากมหาเจดีย์พุทธนาถของเนปาลและสำนักชีวัดแห่งนี้ผ่านการทำพิธีปลุกเสกโดยพระสงัฆราช (His Holiness the Je Khenpo) โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่สี่ สมาชิกราชวงศ์และประชาชนหลายร้อยคนของเมืองพูนาคาเข้าร่วมในพิธีนี้ โดยสำนักชีแห่งนี้มีประมาณ 70 ห้อง โดยเมื่อเริ่มแรกนั้นมีแม่ชีอยู่ที่วัดนี้ 41 รูป
ภายในวัดมีรูปหล่อทองสัมฤทธิ์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (Chenrigzig chagtong chentong) สูง 14 ฟุต ประดิษฐานอยู่ และยังมีรูปหล่อของคุรุปัทมสัมภวะ, พระโคตมะพุทธเจ้า, ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล, Tsela Namsum, สาวก(Tara) ทั้ง 21 องค์ และ Tsepamay (หรือพระอมิตาภะพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระชนม์ยืนยาวนาน) สำหรับเจดีย์ที่อยู่ที่นี่ รายรอบด้วยบล็อคสี่เหลี่ยมแกะสลักจากหินอ่อนสีดำด้วยฝีมือช่างที่เชี่ยวชาญ แสดงเรื่องราวของมหาสิทธา 84 องค์ อรหันต์ทั้ง 16 และลามะองค์สำคัญในสาย Drukpa Kagyuซึ่งมีเฉพาะที่วัดนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้และการฝึกกรรมฐาน (permanent higher learning and meditation centre) สำหรับแม่ชีซึ่งนอกจากจะจัดการอบรมด้านศาสนา ที่นี่ยังให้การฝึกอบรมทักษะอาชีพ เช่น การตัดเย็บเสื้อผ้า งานเย็บปักถักร้อย การทำรูปปั้นและการวาดภาพบนผ้าทังก้า